วันพฤหัสบดีที่ 27 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 2 ข้อมูล สารสนเทศ และการจัดการ

2.1  ข้อมูลและสารสนเทศ
                1. ข้อมูล
                ข้อมูล (data) หมายถึง ข้อเท็จจริงหรือเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในชีวิตประจำวัน หรือมีลักษณะหลายอย่างผสมผสานเข้าด้วยกัน
               
                2. สารสนเทศ
                สารสนเทศ (information) หมายถึง ข้อมูลต่างๆ ที่ผ่านการประมวลผลแล้ว ซี่งถูกต้องแม่นยำและตรงกับความต้องการของผู้ใช้
               

                 3. ลักษณะของข้อมูลที่ดี
                ข้อมูลที่ดีจะต้องเป็นข้อมูลที่มีคุณภาพ มีความสมบูรณ์ในระดับที่เหมาะสมและตรงกับความต้องการของผู้ใช้
-           มีความถูกต้องและแม่นยำ
-           มีความสมบูรณ์ครบถ้วน
-           ถูกต้อง รวดเร็ว และเป็นปัจจุบัน
-           ความสอดคล้องของข้อมูล
4.  ชนิดและลักษณะของข้อมูล
ข้อมูลที่ใช้ในการประมวลผลแบ่งออกเป็น 2 ชนิด ได้แก่
4.1   ข้อมูลที่เป็นตัวเลข (number data) คือ ข้อมูลที่ใช้แทนจำนวนที่สามารถนำไปคำนวณได้ ซึ่งเขียนได้หลายรูปแบบ คือ
-           เลขจำนวนเต็ม คือ ตัวเลขที่ไม่มีจุดทศนิยม
-           เลขทศนิยม ซึ่งอาจมีคำเป็นจำนวนเต็ม หรือจำนวนที่มีเศษเป็นทศนิยมก็ได้


4.2   ข้อมูลที่เป็นตัวอักขระ (character data) คือข้อมูลที่เป็นตัวอักษรและไม่สามารถนำไปคำนวณได้


5. ประเภทของข้อมูล
เราสามารถแบ่งประเภทของข้อมูลได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ ได้แก่
-           ข้อมูลปฐมภูมิ (primary data) คือ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งไม่ได้คัดลอกจากบุคคลอื่น ข้อมูลที่ได้จะมีความถูกต้อง ทันสมัย และเป็นปัจจุบันมากกว่าข้อมูลทุติยภูมิ


-           ข้อมูลทุติยภูมิ (secondary data) คือ ข้อมูลที่มีผู้รวบรวมหรือเรียบเรียงไว้ ซึ่งข้อมูลสารสนเทศที่สามารถนำมาใช้อ้างอิงได้
 
2.2 กระบวนการจัดการสารสนเทศ
                เราสามารถแบ่งประเภทของข้อมูลได้ 2 ประเภทใหญ่ ๆ คือ
1.       การรวบรวมและตรวจสอบข้อมูล
-           การรวบรวมข้อมูล เป็นจุดเริ่มต้นของการดำเนินงาน ซึ่งใช้เทคโนโลยีช่วยในการจัดเก็บข้อมูล
-           การตรวจสอบข้อมูล เมื่อมีการรวบรวมข้อมูล ก็จำเป็นต้องมีการตรวจสอบข้อมูลเพื่อความถูกต้อง
2.       การประมวลผลข้อมูล
ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้                                                                           
-           การจัดกลุ่มข้อมูล ข้อมูลที่จัดเก็บควรจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่ที่ชัดเจน
-           การจัดเรียงข้อมูล เมื่อจัดกลุ่มเป็นหมวดหมู่แล้วก็ควรจัดเรียงข้อมูลที่มีความสำคัญตามลำดับตัวเลข
-           การสรุปผลข้อมูล หลังจากจัดเรียงลำดับความสำคัญของข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ก็ควรสรุปข้อมูลเหล่านั้นให้กระชับและได้ใจความสำคัญ
3.       การจัดเก็บและดูแลรักษาข้อมูล
ประกอบด้วยขั้นตอน ดังนี้
-           การเก็บรักษาข้อมูล
4.       การแสดงผลข้อมูล
-           การสื่อสารและเผยแพร่ข้อมูล
-           การปรับปรุงข้อมูล
2.3 ข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
               
 1. ระบบเลขฐานสอง
              ตัวแทนเลขศูนย์ (0) และหนึ่ง (1) โดยแต่ละหลักจะเรียกว่า “บิด” (Binary Digit : Bit) และเมื่อนำตัวเลขหลายๆ บิดมาเรียงต่อกัน (8 บิต (bit) เท่ากับ 1 ไบต์ (byte)) จะใช้สร้างรหัสแทนจำนวน อักขระ สัญลักษณ์ ทั้งภาษาไทย และภาษาอังกฤษได้
         
      

2. รหัสแทนข้อมูล
                -  รหัสแอสกี (American Standard Code Information Interchange : ASCII) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 8  บิต หรือทำกับ 1 ไบต์ ตัวเลขฐานสอง 8 บิตเรียงกัน 256 สัญลักษณ์
                - รหัสยูนิโค้ต (Unicode) เป็นรหัสแทนข้อมูลด้วยเลขฐานสองจำนวน 16 บิต จะแทนรูปแบบตัวอักษรได้เพียง 256 รูปแบบ โดยแทนตัวอักขระได้ 65, 536 ตัว
              

 3. การจัดการข้อมูลด้วยคอมพิวเตอร์
                ในการจัดเก็บข้อมูลไว้ในสื่อบันทึกต่างๆ จะต้องกำหนดรูปแบบหรือโครงสร้างของข้อมูล เพื่อให้ผู้ใช้งานและคอมพิวเตอร์สามารถใช้ได้ตรงกัน ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้)
-           บิต (bit) คือ ตัวเลขหลักใดหลักหนึ่งในระบบเลขฐานสอง (0 กับ 1) ซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของข้อมูล
-           ตัวอักขระ (character) คือ ตัวเลข ตัวอักษร หรือเครื่องหมายใดๆ โดยตัวอักขระแต่ละตัวจะใช้เลขฐานสองจำนวน 8 บิต หรือ 1 ไบต์ ในการแทนข้อมูล เช่น 0100 0001 ใช้แทนอักขระ A เป็นต้น
-           เขตข้อมูล (field) คือ ข้อมูลที่เป็นตัวเลขอักขระเรียงต่อกัน เพื่อแทนความหมายใดความหมายหนึ่ง
-           ระเบียนข้อมูล (record) คือ กลุ่มของเขตข้อมูลที่มีความเกี่ยวข้องกัน ตั้งแต่ 1 เขตข้อมูลขึ้นไป
-           แฟ้มข้อมูล (file) คือ กลุ่มของระเบียนข้อมูลที่มีความสัมพันธ์กัน ตั้งแต่หนึ่งระเบียนขึ้นไป
-           ฐานข้อมูล (database) เป็นที่รวบรวมแฟ้มข้อมูลหลาย ๆ แฟ้มเข้าด้วยกัน ซึ่งจะต้องมีความสัมพันธ์กัน ใช้เขตข้อมูลที่เหมือนกันเป็นตัวเชื่อมระหว่างกัน


2.4 จริยธรรมในการใช้ข้อมูล
                ประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจเกี่ยวกับจริยธรรมในการใช้ข้อมูล มีดังนี้
1)      ความเป็นส่วนตัว
ความเป็นส่วนตัว (privacy) ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลทุกครั้งต้องคำนึงถึงข้อมูลที่มีความเป็นส่วนตัวสูง




2)      ความถูกต้อง
ความถูกต้อง (accuracy) ก่อนที่จะเผยแพร่ข้อมูลใดๆ ควรตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลนั้นเสียก่อน
3)      ความเป็นเจ้าของ
ความเป็นเจ้าของ (property) ละเมิดลิขสิทธิ์หรือทรัพย์สินทางปัญญา จะทำให้เกิดความเสียหายทางธุรกิจต่อเจ้าของข้อมูล
4)      การเข้าถึงข้อมูล
การเข้าถึงข้อมูล (accessibility) การใช้งานคอมพิวเตอร์มักมีการกำหนดสิทธิตามระดับของผู้ใช้งาน ก็เพื่อป้องกันและรักษาความลับของข้อมูล


คำถาม  หากถูกละเมิดลิขสิทธ์ของผู้ใช้ควรทำอย่างไร 








วันพฤหัสบดีที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2556

บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

บทที่ 1 เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
        
1.1   ความหมายของเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
       เทคโนโลยี (technology)
การนำความรู้หรือวิทยาการทางด้านวิทยาศาสตร์ มาประยุกต์ในการพัฒนาเครื่องมือ เครื่องจักร วัสดุ หรือแม้กระทั่งสิ่งที่ไม่สามารถจับต้องได้
สารสนเทศ (information)
ข้อมูล ข้อเท็จจริง ความคิดเห็น หรือประสบการณ์ต่างๆ ที่ผ่านกระบวนการประมวลผลอย่างมีระบบ
การสื่อสาร (communication)
      การส่งข้อมูลข่าวสารโดยอาศัยสื่อเป็นตัวกลาง ซึ่งมีวัตถุประสงค์เพื่อชักจูงให้ผู้รับข่าวสารมีปฏิกิริยาตอบสนองให้เป็นไปตามที่ผู้ส่งข่าวสารต้องการ
เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology : IT) มาจากคำว่า “เทคโนโลยี” กับ “สารสนเทศ” เชื่อมต่อกัน ซึ่งหมายถึง การนำความรู้หรือวิทยาการทางวิทยาศาสตร์มาประยุกต์ใช้ทางด้านเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ เพื่อจัดการกับข้อมูลสารสนเทศอย่างเป็นระบบ และก่อให้เกิดประโยชน์ในการทำงาน หรือแก้ปัญหาต่างๆ ให้แก่บุคคลหรือองค์กร
  เทคโนโลยีการสนเทศและการสื่อสาร (Information and Communication Technology : ICT) คือ การนำเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์มาใช้งานร่วมกับเทคโนโลยีการสื่อสารและโทรคมนาคม เพื่อผลิต เผยแพร่ และจัดเก็บสื่อสารสมเทศในรูปแบบต่างๆ

1.2 ระบบสารสนเทศ



   ระบบสารสนเทศ (Information system) เป็นระบบที่ช่วยในการรวบรวม จัดเก็บ และจัดการกับข้อมูลต่าง ๆ อย่างเป็นระบบ ซึ่งประกอบด้วย 5 ส่วนสำคัญ คือ
1. ฮาร์ดแวร์ (Hardware) เป็นเครื่องมือที่ใช้จัดการกับสารสนเทศ ทั้งที่เป็นอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพวงต่างๆ เป็นองค์ประกอบที่สำคัญของระบบสารสนเทศ สามารถทำงานได้รวดเร็ว แม่นยำ เช่น จอภาพ (monitor), คีย์บอร์ด (keyboard) เป็นต้น


2. ซอฟต์แวร์ (software) เป็นโปรแกรมหรือชุดคำสั่งที่สั่งการให้คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ต่อพ่วงต่าง ๆ ทำงานตามคำสั่งของผู้ใช้ แบ่งออกเป็น 2 ประเภทใหญ่ๆ
-      ซอฟต์แวร์ระบบ
ซอฟต์แวร์ระบบ (system software) เป็นชุดคำสั่งที่มีหน้าที่ควบคุมการทำงานอุปกรณ์และซอฟต์แวร์ทั้งหมดภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ตัวอย่างซอฟต์แวร์ระบบ เช่น ดอส (Dos), วินโดวส์(Windows), ลินุกซ์ (Linux), แมค โอเอส (Mac OS) เป็นต้น
-   ซอฟต์แวร์ประยุกต์
        ซอฟต์แวร์ประยุกต์ (application software) เป็นชุดคำสั่งที่เขียนขึ้นเพื่อประยุกต์ใช้กับงานตามความต้องการของผู้ใช้แต่ละคน ตัวอย่างซอฟต์แวร์ประยุกต์ เช่น ซอฟต์แวร์ประมวลคำ (word processor), ซอฟต์แวร์ตารางทำงาน (spreadsheet) เป็นต้น


3. ข้อมูล (data) ข้อมูลที่ดีจะต้องมีความสมบูรณ์ ถูกต้อง แม่นยำ โดยจะถูกรวบรวมและป้อนเข้าสู่เครื่องคอมพิวเตอร์ด้วยอุปกรณ์รับข้อมูลต่างๆ เช่น เมาส์ คีย์บอร์ด สแกนเนอร์ เป็นต้น ทั้งนี้การจัดเก็บข้อมูลจะต้องมีโครงสร้างที่เป็นระบบเพื่อให้สืบค้นได้อย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ
4. บุคลากร (people) จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศให้เกิดประโยชน์
         ซึ่งผู้พัฒนาจะต้องพัฒนาระบบสารสนเทศให้มีประสิทธิภาพ เพื่อให้ผู้ใช้สามารถทำงานได้ตามความต้องการส่วนผู้ใช้จะต้องมีความรู้และความเข้าใจในการใช้งานระบบสารสนเทศได้อย่างถูกต้อง
5. ขั้นตอนการปฏิบัติงาน (procedure) ผู้ใช้งานจะต้องปฏิบัติตามระเบียบและวิธีการปฏิบัติตามคู่มือการปฏิบัติงาน(user manual) เพื่อให้ได้งานที่มีประสิทธิภาพ เช่น ขั้นตอนการปฏิบัติงานต่างๆ เมื่อข้อมูลได้รับความเสียหาย เป็นต้น
ส่วนประกอบทั้งห้านี้ล้วนมีส่วนสำคัญ หากขาดส่วนประกอบใดหรือส่วนประกอบใดไม่สมบูรณ์ก็อาจทำให้ระบบสารสนเทศนั้นขาดความสมบูรณ์ได้ เช่น การเชื่อมต่อของจอภาพกับคอมพิวเตอร์ไม่สมบูรณ์ก็จะทำให้จอภาพไม่สามารถแสดงผลได้ เป็นต้น

1.3   ประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร


1.       ด้านการศึกษา
ใช้เป็นเครื่องมือในการบริหารงานการศึกษาเพื่อเก็บข้อมูลต่างๆ เช่น ระบบการลงทะเบียนและระบบการจัดตารางการเรียนการสอน เช่น การศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม การศึกษาบทเรียนออนไลน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต (Internet) เป็นต้น
2.       ด้านการจัดเก็บรวบรวมข้อมูล
ข้อมูลจำนวนมากได้ถูกรวบรวมและบันทึกไว้ในรูปของสื่อบันทึกข้อมูลประเภทต่างๆ เช่น ฮาร์ดดิสก์ (hard disk), แผ่นซีดีรอม (CD-Rom) ซึ่งสามารถเก็บรวบรวมเอกสารหรือหนังสือต่างๆ ทั้งหมดไว้และนำข้อมูลกลับมาใช้ได้
3.       ด้านการสื่อสารและโทรคมนาคม
การสื่อสารแบบไร้สายเข้ามามีส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตของผู้คนในสังคมที่ต้องการความสะดวกและรวดเร็ว เช่น การหาข้อมูลจากเครือข่ายอินเตอร์เน็ต เป็นต้น
4.       ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
       การวิจัยและการทดลองทางด้านวิทยาศาสตร์ล้วนแล้วแต่ต้องใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารทั้งสิ้น เช่น การวิจัยด้านนิวเคลียร์ฟิสิกส์ เป็นต้น
5.       ด้านความบันเทิง
       รูปแบบการนำเสนอที่ตอบสนองความต้องการทั้งภาพและเสียงได้อย่างมีประสิทธิภาพประกอบการเข้าถึงข้อมูลสารสนเทศต่างๆ จึงทำให้ได้รับความนิยมใช้งานกันอย่างแพร่หลาย เช่น การชมโทรทัศน์ผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ต การชมภาพยนตร์ผ่านระบบเครือข่ายโทรศัพท์มือถือ เป็นต้น
นอกจากประโยชน์ของการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารที่กล่าวมานั้น ยังมีประโยชน์ด้านอื่นๆ อีกมากมาย เช่น ด้านสิ่งพิมพ์ ด้านการเงินการธนาคาร ด้านการแพทย์และสาธารณสุข เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการนำมาปรับใช้ให้เป็นไปตามหลักคุณธรรมและจริยธรรม

1.4   แนวโน้มการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-       เทคโนโลยีแบบไร้สายทำให้การติดต่อสื่อสารระหว่างกันมีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น
-       มีการใช้ระบบเสมือนจริงผ่านเครือข่ายอินเตอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น
-       อุปกรณ์เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารจะมีขนาดกะทัดรัดและราคาถูก
-       การวางแผน การคิดวิเคราะห์ และการตัดสินใจของมนุษย์จะถูกแทนที่โดยคอมพิวเตอร์ซึ่งจะเป็นเครื่องมือช่วยในการตัดสินใจ
-       ด้วยการเข้าถึงข้อมูลที่ง่าย สะดวก และรวดเร็ว ทำให้มีช่องทางการดำเนินธุรกิจและกิจกรรมต่างๆ
-       หน่วยงานหรือองค์กรจะมีขนาดเล็กลง แต่จะปรับเปลี่ยนลักษณะของการเชื่อมโยง

1.5   ผลกระทบจากการใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-       พฤติกรรมเลียนแบบจากเกมที่ใช้ความรุนแรง อาจก่อให้เกิดปัญหาอาชญากรรมได้
-       การใช้ชีวิตของสังคมเมืองเปลี่ยนไป ทำให้การพบปะของผู้คนลดน้อยลง
-       การเข้าถึงข้อมูลบนระบบเครือข่ายที่ง่าย สะดวก รวดเร็ว ทำให้เกิดช่องทางการโจรกรรมเพิ่มมากขึ้น
-       ด้วยเทคโนโลยีที่ล้ำสมัย ทำให้การผลิตของผิดกฎหมายและละเมิดลิขสิทธิ์เพิ่มมากขึ้น
-       การส่งต่อข้อมูลข่าวสารผ่านช่องทางต่างๆ บนระบบเครือข่าย เช่น ไปรษณีย์อิเล็กทรอนิกส์ (e-mail) เฟสบุ๊ก (facebook) ถ้าผู้ส่งไม่ระมัดระวังอาจเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคลได้
-       เมื่อเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารพัฒนาเพิ่มมากขึ้น สิ่งที่ตามมาก็คือ ขยะอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีมาตรการการกำจัดขยะอิเล็กทรอนิกส์ก็จะเป็นปัญหาใหญ่ในอนาคตได้

 

 
 


1.6 อาชีพที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร
-    นักเขียนโปรแกรมหรือโปรแกรมเมอร์ (programmaer) ทำหน้าที่เขียนโปรแกรมคอมพิวเตอร์ให้ทำงานได้ตามที่ต้องการ
-   นักวิเคราะห์ระบบ (system analyst) ทำหน้าที่ศึกษา วิเคราะห์ และพัฒนาระบบสารสนเทศ โดยออกแบบให้ตรงกับความต้องการของผู้ใช้งาน
-   ผู้ดูแลและบริหารฐานข้อมูล (database administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการฐานข้อมูล และดูแลความปลอดภัยของข้อมูล ประสานงาน
-   ผู้ดูแลและบริหารระบบเครือข่าย (network administrator) ทำหน้าที่บริหารจัดการระบบเครือข่าย และดูแลความปลอดภัยระบบเครือข่าย
-   ผู้พัฒนาและบริหารระบบเว็บไซด์ (webmaster) ทำหน้าที่ดูแลและคอยควบคุมทิศทางของเว็บไซด์
-   เจ้าหน้าที่เทคนิค (technician) ทำหน้าที่ดูแลรักษาอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ทั้งทางด้านฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์
 


 คำถาม หากในอนาคตมนุษย์ไม่มีเทคโนโลยีในกาอำนวยความสะดวกต่างๆจะส่งผลกระทบต่อการดำเนินชีวิตอย่างไร